DITTO ผนึก 3 ยักษ์ใหญ่ธุรกิจไอทีคว้าโปรเจ็กต์ไซเบอร์ซีเคียวริตี้พันล้านแบงก์กรุงไทย

DITTO จับมือสามยักษ์ใหญ่ธุรกิจไอที “AIT-MFEC และ G-Able” เซ็นสัญญาโครงการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ “ กรุงไทยบริการคอมพิวเตอร์” ในเครือธนาคารกรุงไทยซึ่งมีมูลค่าเกือบ 1 พันล้านบาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Hybrid CSOC คือจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและปรับกระบวนการทำงาน เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นายฐากรรัตนกมลพรซีอีโอ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “DITTO” เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม บริษัท ได้ร่วมกับตัวแทนจากพันธมิตรอีก 3 รายเพื่อลงนามในธุรกิจไอทีในฐานะผู้ร่วมทุน ADGM ทำสัญญาดำเนินโครงการ CSOC ไฮบริดกับ บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของธนาคารกรุงไทย

ฐากรรัตนกมลพรฐากรรัตนกมลพร

มูลค่าโครงการกว่า 939 ล้านบาท มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีและรวมถึงการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งรวมถึงการจัดหาพนักงานและการปรับปรุงกระบวนการทำงานและสถานที่ปฏิบัติงานเพื่อต่อต้านและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

สำหรับธุรกิจร่วมทุน ADGM ประกอบด้วยบมจ. ดิทโต้ (ประเทศไทย) ซึ่งถือหุ้น 40% ในขณะที่พันธมิตรอีก 3 รายมีดังนี้บมจ. แอ๊ดวานซ์เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ AIT บจก. จีเอเบิล หรือบมจ. G-Able และ MFEC หรือ MFEC ถือหุ้น 20% ของแต่ละหุ้น DITTO นำเสนอบริการตามความเชี่ยวชาญของแต่ละ บริษัท และมุ่งเน้นไปที่ความเชี่ยวชาญในการจัดการข้อมูล ขยายขอบเขตของบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโจมตีและการโจรกรรมข้อมูล

นายฐากรกล่าวว่าทั้ง 4 บริษัท เป็นยักษ์ใหญ่ด้านไอทีที่มีความเชี่ยวชาญ และถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรวมถึงผลงานมากมายทั้งในภาครัฐและเอกชนที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือมีพนักงานที่มีประสบการณ์มีความรู้และความเชี่ยวชาญในระดับสูง

โครงการ CSOC แบบไฮบริดเป็นระบบและกระบวนการในการต่อต้านและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย การดำเนินโครงการ CSOC แบบไฮบริดทำให้ลูกค้าและผู้ใช้บริการของธนาคารมั่นใจในความปลอดภัย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับเงินฝาก. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับธนาคาร. มีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลประเภทต่างๆด้วย.

“ ตามข้อกำหนดของระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ DITTO ซึ่งมีธุรกิจหลักในการจัดการข้อมูลด้วยความเชี่ยวชาญได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศจึงพัฒนาไปสู่ธุรกิจความปลอดภัยทางไซเบอร์เพราะเขาเห็นเรื่องนี้สำหรับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสำคัญและจำเป็น” นายฐากรกล่าว