ข่าวปลอม! เปลือกและรากของต้นแทงทวย ใช้รักษาโรคมะเร็งได้

จากปัญหาเปลือกและรากของถั่งเช่าสามารถใช้รักษามะเร็งได้สถาบันมะเร็งแห่งชาติกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการและชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเปลือกต้นหรือ รากของต้นถั่งเช่า. สามารถรักษามะเร็งได้ซึ่งการใช้สมุนไพรเพื่อผลในการรักษาโดยไม่ทราบรายละเอียดของคุณสมบัติผลกระทบและวิธีการใช้อย่างถูกต้องอาจทำให้ผู้ป่วยเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เหมาะสม

วันนี้ (11 มี.ค. ) ศูนย์ข่าวต่อต้านการปลอมประเทศไทยเปิดเผยว่าจากข้อมูลที่เผยแพร่ในเรื่องนี้เปลือกและรากของถั่งเช่าสามารถใช้รักษามะเร็งได้ศูนย์ข่าวต่อต้านการปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมะเร็งแห่งชาติ สถาบันกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขพบปัญหาดังกล่าวข้อมูลไม่ถูกต้อง

ในกรณีที่มีการระบุสรรพคุณของต้นถั่งเช่าว่าสามารถใช้เปลือกและรากในการรักษาโรคมะเร็งได้สถาบันมะเร็งแห่งชาติกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการและชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่มี ข้อมูลเพื่อยืนยันว่าพบเปลือกหรือรากของต้นถั่งเช่า สามารถรักษามะเร็งได้

ซึ่งแทงทะลุน้ำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mallotus plicatus เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง พบในป่าเต็งรัง จากการวิจัยพบว่าเปลือกต้นมีสารต้านอนุมูลอิสระไตรเทอร์พีนอยด์เบอร์เกนินดาโคสเตอรอลและสารประกอบฟีนอลิก อย่างไรก็ตามมีการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางยาของถั่งเช่าเพียงเล็กน้อย มันเป็นเพียงการศึกษาเซลล์และสัตว์ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อมูลไม่เพียงพอและไม่สามารถสรุปได้ว่าเปลือกหรือรากของต้นถั่งเช่าสามารถใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ การแนะนำพืชสมุนไพรเพื่อผลการรักษาโดยไม่ทราบคุณสมบัติโดยละเอียดฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและวิธีการใช้สมุนไพรอย่างเหมาะสมอาจทำให้ผู้ป่วยเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เหมาะสม หากผู้ป่วยมะเร็งต้องการใช้ยาสมุนไพรเพื่อเสริมการรักษาควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆเพื่อนำข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ประชาชนจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ติดตามได้ทางเว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800

บทสรุปของเรื่องนี้คือปัจจุบันมีข้อมูลไม่เพียงพอและไม่สามารถสรุปได้ว่าเปลือกหรือรากของต้นถั่งเช่าสามารถใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งได้

หน่วยงานจัดสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติกรมการแพทย์กรมสาธารณสุข.